ครีมกันแดด ทามากเกินไป ก็อันตรายต่อร่างกายนะจ๊ะ

ผลการศึกษาของนักวิจัยชาวอเมริกัน พบว่า การทาครีมกันแดดมากจนเกินไป อาจเป็นที่มาของภาวะการขาดวิตามินดี โดยผลการศึกษา ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกันมีปัญหาภาวะขาดวิตามินดีเพิ่มขึ้นเป็น 75% จาก 45% เนื่องจากครีมกันแดดที่ทาอาจจะหนาเกินไป จนร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินดีที่ได้จากการรับแสงแดด ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และข้อมูลจากงานวิจัยของไทยยังพบว่า คนไทยวัยทำงานมากกว่า 1 ใน 3 ขาดวิตามินดี วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันและถูกเก็บไว้ในชั้นเนื้อเยื่อไขมัน ร่างกายของเราจะได้รับวิตามินดี 2 ทางด้วยกันคือ

1. อาหาร ซึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน หรือปลาแมคคอแรลที่สุก ปลาทูน่ากระป๋อง
2. แสงแดด ร่างกายของเราสามารรับวิตามินดีจากแสงแดดโดยการให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงอาทิตย์เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาทีทุกวัน แต่ควรเป็นแสงแดดที่ไม่แรง เป็นแสงแดดในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น โดยใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น แต่หากเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดแรง ควรทาครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวไม่ให้เกิดอาการแดงและผิวไหม้ วิตามินดี 3 จะสังเคราะห์ในผิวหนังของเราจากรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นสั้น ตกกระทบที่ผิวหนังชั้นนอกสุด หรือชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวบริเวณที่สังเคราะห์วิตามินดี

ซึ่งการมีระดับวิตามินดีต่ำ การขาดวิตามิน D รุนแรงอาจนำไปสู่การเกิดโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) (ภาวะที่กระดูกอ่อนแอและเปราะบางในผู้ใหญ่) หรือโรคกระดูกอ่อน (rickets) (เป็นภาวะที่กระดูกอ่อนตัวและอ่อนแอในเด็ก) ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการขาดวิตามินดีอาจเชื่อมโยงกับเงื่อนไขอื่น ๆ รวมทั้งโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคหอบหืด, ความจำเสื่อม, ภาวะซึมเศร้า และโรคภูมิต้านทานบางอย่างผิดปกติเราจึงควรให้ผิวได้สัมผัสกับแสงแดดบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดี และควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี ซึ่งนอกจากทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีแล้ว ยังได้คุณประโยชน์อื่นๆ ด้วย นอกจากนี้การรับประทานวิตามินดีในรูปของอาหารเสริม (ปริมาณวิตามินดี 400-1,000 IU) เป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวัดระดับวิตามินดีในเลือดก่อนเสริมวิตามิน เนื่องจากการรับประทานวิตามินดีในปริมาณมาก เกินความต้องการต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน (20,000 IU ต่อวัน) อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน